ฤดูใบไม้ผลิอันสดใสปกคลุมท้องฟ้าด้วยสีฟ้าครามอันกว้างใหญ่ อากาศที่อบอุ่นทำให้กลิ่นหอมของดอกไม้ฟุ้งกระจายไปทั่ว ช่วงเวลานี้เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจอย่างที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสวนของคฤหาสน์ตระกูลมาซากิ ที่เต็มไปด้วยต้นซากุระที่กำลังเบ่งบาน ดอกไม้สีชมพูบานสะพรั่งราวกับมีการเฉลิมฉลองชีวิต แต่ทว่า บรรยากาศที่แท้จริงกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย
ภายในคฤหาสน์ เสียงทะเลาะเบาะแว้งระหว่าง ฮายาโตะ และ พ่อแม่ของเขาดังก้องอยู่ในห้องโถง ก้องกังวานดั่งเสียงฟ้าผ่าที่ไม่หยุดยั้ง แม้ภายนอกจะเต็มไปด้วยความงดงามและรื่นรมย์ แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียดและอึดอัด เมื่อเสียงของคำพูดที่แหลมคมพุ่งเข้ามาตัดผ่านอากาศ คำพูดเหล่านั้นไม่เพียงแต่ทำลายบรรยากาศอันสดใสเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งในใจของ ฮายาโตะ
ฮายาโตะ ยืนอยู่กลางห้อง จ้องมองพ่อแม่ของเขาที่แสดงท่าทีกังวลและโกรธเคือง ใบหน้าของเขาสะท้อนถึงความสับสนและไม่สบายใจ คำพูดของพวกเขาเข้ามากัดกินจิตใจเขา ในขณะที่นอกหน้าต่าง ดอกซากุระเริ่มโปรยปรายลงมาเป็นเกล็ดสีชมพู เสมือนดอกไม้กำลังร้องไห้ร่วมกับความรู้สึกของเขา
“ทำไมถึงไม่เข้าใจ? ผมแค่ต้องการเลือกเส้นทางของตัวเอง!”
ฮายาโตะ กล่าวเสียงดัง ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกของพ่อแม่ที่ยังคงถกเถียงกันอย่างดุดัน เขารู้สึกเหมือนเป็นเครื่องจักรที่ถูกควบคุมในชีวิตที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
แสงแดดส่องสว่างเข้ามาในห้อง แต่กลับไม่สามารถทำให้ความมืดมนในใจของฮายาโตะเบาบางลงได้ ในช่วงเวลานี้ แม้ฤดูใบไม้ผลิจะพาเอาความสดใสและความหวังมาด้วย แต่สำหรับเขา มันกลับเป็นการรอคอยที่จะค้นพบเส้นทางของตนเองในโลกที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและความคาดหวัง
แล้วเสียงทะเลาะกันก็ยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่ ฮายาโตะ ยืนอยู่ในความรู้สึกที่โดดเดี่ยว ท่ามกลางความสงบที่ไม่เคยมีอยู่จริง
เสียงทะเลาะเบาะแว้งในห้องนั้นไม่เพียงแต่สร้างความตึงเครียดให้กับ ฮายาโตะ แต่ยังส่งผลต่อเหล่าพ่อบ้านและแม่บ้านที่ยืนอยู่ด้านนอกด้วย ความกังวลใจลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ขณะที่พ่อบ้านก้าวไปข้างหน้า เขากระซิบกับแม่บ้านด้วยเสียงเบาๆ ว่า
“คุณชายทำไมถึงมีปัญหากับท่านพ่อและท่านแม่อีกแล้วนะ? เหตุใดจึงเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้?”
“ฉันก็ไม่แน่ใจ”
แม่บ้านตอบกลับด้วยเสียงสั่นเครือ
“แต่เราควรจะเข้าไปหรือเปล่า?”
ทันใดนั้น พ่อของฮายาโตะก็พูดขึ้นด้วยเสียงดัง
“ฮายาโตะ แกต้องแต่งงาน จะมีสามีหรือภรรยาก็ได้!”
คำพูดนี้ทำให้เราพ่อบ้านและแม่บ้านชะงักไปทันที ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ สิ่งที่ได้ยินนั้นทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่าฉับพลัน
“นายท่านยินยอมให้คุณชายมีสามีได้ด้วยหรอ?”
พ่อบ้านถามออกมาโดยไม่รู้ตัว
ในขณะที่สังคมในยุคนี้การที่บุตรชายจะมีภรรยาเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ แต่การให้ลูกชายของตนมีสามีกลับเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง และในขณะที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในความสับสน เสียงของพ่อของฮายาโตะยังคงดังก้องอยู่ในหูของพวกเขา
“แกก็รู้ตัวดีว่าแกสามารถเป็นได้ทั้งชายและหญิง”
พ่อของฮายาโตะกล่าวต่อไป
“ถ้าแกต้องการ..ไม่สิ..ถ้าจะพูดให้ถูก...แกต้องมีทั้งสามีและภรรยาพร้อมกันไปเลย!”
ความรู้สึกวุ่นวายเกาะกุมเราพ่อบ้านและแม่บ้าน พวกเขาต่างคิดในใจว่าความคิดนี้มันบ้าหรือเปล่า? ในขณะที่ ฮายาโตะ เองกลับรู้สึกหงุดหงิดและสับสนเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น
“ผมรู้ แต่ทำไมต้องให้ผมต้องมีสามีด้วย? แค่ภรรยาคนเดียวก็พอ!”
เขาเถียงเสียงดังขึ้น
“ฮายาโตะ!”
แม่ของเขาเรียกชื่อเขา
“เรามีเรื่องสำคัญจะต้องบอกลูก”
เสียงนี้ทำให้ ฮายาโตะ เงียบลง เขาเฝ้ามองพ่อแม่ของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ความลับที่พวกเขาอ้างถึงนั้นมันคืออะไรกันแน่? ในใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวลว่าความลับนี้จะส่งผลต่ออนาคตของเขาอย่างไร
“มันเกี่ยวข้องกับพลังของลูก”
พ่อของเขาพูดต่อ
“เราไม่ได้ตั้งใจจะบังคับแก แต่ถึงเวลาแล้วที่แกจะต้องรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเอง”
ในขณะที่อากาศรอบตัวเริ่มรู้สึกอบอ้าว ความตึงเครียดในห้องก็ดูเหมือนจะมากขึ้นเรื่อยๆ ฮายาโตะรู้สึกเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปในไม่ช้า และเขาจะต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ซ่อนอยู่ภายในครอบครัวของเขา
พ่อแม่ของฮายาโตะมองหน้ากันอย่างหนักแน่นก่อนที่จะเริ่มพูดต่อไป
“ฮายาโตะ ลูกก็รู้ตัวดีอยู่แล้วว่าลูกมีพลังที่แข็งแกร่งอยู่ในตัวพอสมควร พลังนี้เป็นสิ่งที่ตกทอดในตระกูลของเรา แม้จะเป็นคนในตระกูลเดียวกันก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถใช้พลังนี้ได้ทุกคน”
ฮายาโตะ นั่งฟังด้วยความตึงเครียด สายตาของเขาเต็มไปด้วยคำถาม
“เพราะผมเป็นคนเดียวที่สามารถใช้พลังนี้ได้ในรอบ 30 ปี?”
“ใช่ แกคือผู้ที่ได้รับเลือก”
พ่อของเขาอธิบาย
“พลังนี้แลกมาด้วยความเปลี่ยนแปลงของเพศสภาพ กล่าวคือ เมื่อผู้ชายใช้พลัง เขาจะกลายเป็นผู้หญิง และในทางกลับกัน ผู้หญิงจะกลายเป็นผู้ชายเมื่อใช้พลัง”
ฮายาโตะ ไม่ได้รู้สึกสะดุ้งเมื่อได้ยิน เขาเข้าใจดีถึงความเสี่ยงที่เขาต้องเผชิญ แต่ก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่พ่อแม่ของเขายังไม่ได้พูด
“แต่มีสิ่งหนึ่งที่ลูกยังไม่รู้...”
แม่ของเขาพูดอย่างช้า ๆ ก่อนจะหยุดไปเพื่อสร้างความตึงเครียดในอากาศ
“สิ่งนั้นคืออะไร?”
ฮายาโตะ ถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลใจ
“มันคือคำสาปที่ผูกพันกับพลังนี้”
พ่อของเขาพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ
“เมื่ออายุครบ 25 ปี ผู้ใช้พลังนี้จะต้องแต่งงานกับทั้งสองเพศ กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ แกจะต้องมีทั้งสามีและภรรยา”
ความเงียบเข้าครอบงำห้อง ขณะที่คำพูดนี้ทำให้ ฮายาโตะ รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังจะถล่มลงมา
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ฉันต้องมีสามีและภรรยาเหรอ?”
น้ำเสียงของเขาสั่นไหวด้วยความสับสนและความเครียด
“ใช่”
แม่ของเขาตอบ
“และไม่เพียงแค่ต้องมีสามีและภรรยาเท่านั้น แต่ผลของคำสาปต้องทำให้ภรรยาของตนตั้งท้อง และลูกก็ต้องตั้งท้องกับสามีของลูกด้วย”
“ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? ทำไมต้องเป็นฉัน?”
ฮายาโตะ ถามด้วยน้ำตาเริ่มจะไหล ความกดดันจากความรับผิดชอบที่ต้องแบกรับมันมากเกินไปสำหรับเขา เขารู้สึกว่าความเป็นตัวเองของเขากำลังจะหายไป
“มันคือคำสาปที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของเรา”
พ่อของเขาอธิบาย
“ถ้าแกไม่ทำตาม แกจะต้องเผชิญกับผลร้ายแรงที่อาจถึงแก่ความตาย”
เสียงนี้ทำให้ ฮายาโตะ รู้สึกเหมือนถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา เขาพยายามตั้งสติและคิดถึงอนาคตของตน
“ฉันไม่สามารถทำแบบนั้นได้... ฉันไม่ต้องการที่จะต้องเลือกทางนี้”
ความวิตกกังวลทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นอนาคตของตัวเองได้
พ่อแม่ของเขามองเขาด้วยความเห็นใจ
“เรารู้ว่านี่เป็นเรื่องยากสำหรับแก แต่เราจะอยู่ข้างแกเสมอ แม้ว่าเส้นทางที่แกต้องเดินจะเต็มไปด้วยอุปสรรค”
ฮายาโตะ เงียบไป ขณะที่น้ำตาของเขาเริ่มหลั่งออกมา เขารู้ว่าชีวิตของเขากำลังจะเปลี่ยนไป และเขาไม่รู้ว่าจะเตรียมตัวอย่างไรเพื่อเผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้ายนี้
เมื่อพ่อแม่ของฮายาโตะเห็นว่าเขามีอาการเครียดมาก พวกเขาจึงมองหน้ากันด้วยความห่วงใย
“ฮายาโตะ”
แม่ของเขาเอ่ยขึ้น
“ไปพักผ่อนก่อนเถอะนะ เราไม่อยากให้ความเครียดนี้ส่งผลกระทบกับสุขภาพของลูก”
“แต่ว่า...”
ฮายาโตะ รู้สึกมีหลายสิ่งที่ยังต้องพูด ต้องคิด เขาไม่อยากให้ปัญหานี้ถูกละเลย
“เรารู้ว่าแกยังมีเวลาอีก 5 ปีในการเตรียมตัว”
พ่อของเขาพูด
“แต่เราอยากให้รู้เรื่องนี้ก่อน เพื่อที่แกจะได้เตรียมใจไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ”
“เราอยู่ข้างลูกเสมอ”
แม่ของเขาเสริม
“แต่ตอนนี้ไปพักผ่อนเถอะนะ ความคิดมากจะทำให้ลูกล้า”
ในที่สุด ฮายาโตะ พยักหน้า เขารู้ว่าพ่อแม่ของเขาห่วงใยเขาจริงๆ จึงตัดสินใจเดินออกจากห้องไป สายตาของเขาจดจ่อไปที่พื้นขณะเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง จิตใจเต็มไปด้วยความกังวลและคำถามที่ยังคงไม่สามารถหาคำตอบได้
เมื่อถึงห้อง ฮายาโตะ ปิดประตูและนั่งลงบนเตียง ความเงียบเข้ามาแทนที่เสียงวุ่นวายในห้องเมื่อครู่นี้ เขาเอนตัวพิงหัวเตียงและหลับตาลง พยายามดึงตัวเองออกจากความคิดที่รุมเร้า
ภาพเหตุการณ์ในวัยเด็กลอยเข้ามาในหัวของเขา ความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือนกำลังเรียกหาทางออกในใจของเขา เขานั่งนิ่งอยู่ในความเงียบ ขณะที่จิตใจของเขายังคงต่อสู้กับความกังวลที่ซับซ้อน เขารู้ว่าพ่อแม่เขาไม่ได้หลอกเขาแน่นอน เพราะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวัยเด็กกับเขาหลายๆเรื่องทำให้รู้ว่าสิ่งแปลกๆมักเกิดขึ้นอยู่รอบเขาเสมอ
“ทำไมฉันถึงต้องเผชิญกับเรื่องนี้?”
ฮายาโตะ ถามตัวเองในใจ เสียงของพ่อแม่ที่บอกให้เขาพักผ่อนกลับไปก้องอยู่ในหัว เขาต้องหาวิธีที่จะทำให้ตัวเองเข้มแข็ง แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้ดีว่าการเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะไม่ง่ายอย่างที่เขาคิด
เขาลืมตาขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นดวงอาทิตย์ที่กำลังเริ่มลับขอบฟ้า อากาศเย็นสบายทำให้เขารู้สึกสงบขึ้นเล็กน้อย แต่ความกังวลยังคงวนเวียนอยู่ในใจ
“ฉันต้องทำยังไงดี?”
เขาถามตัวเองอีกครั้ง
ความคิดเห็น